Advertisement

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การดูแลผิวในช่วงฤดูร้อน หน้าร้อนในเมืองไทย

การดูแลผิวช่วงฤดูร้อน

คงไม่ต้องพูดถึงอุณหภูมิและความแรงของแสงแดดในหน้าร้อนอย่างในเมืองไทย เพราะบางทีเรายังมีคำพูดเล่นๆ กันว่า เมืองไทยนั้นมีหน้าร้อน ร้อนกว่า และร้อนที่สุด เลย ซึ่งหน้าร้อนแบบนี้ สาวๆ หลายคนอาจจะมีปัญหาเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง แม้จะใช้ครีมกันแดดแล้วก็ตามแต่ก็ยังทำให้ผิวแสบร้อน เปลี่ยนเป็นสีแดง บางทีก็มีอาการคัน และเปลี่ยนสีเป็นดำคล้ำอีก ซึ่งกว่าจะหายไปก็ต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กันเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้เรามีสาระดีๆมาฝาก สำหรับสาวๆ ในการดูแลสุขภาพผิวช่วงหน้าร้อนกัน พร้อมบอกลาผิวไวต่อแสงแดดในหน้าร้อนกันดีกว่า

การดูแลผิวในฤดูร้อน


วิธีป้องกันแสงแดดในหน้าร้อน

1. ระวังยาที่รับประทาน
บางครั้งสาวๆ อาจจะได้รับยาหรือรับประทานยาซึ่งไม่ทราบว่ามีผลต่อความไวแดดของผิวด้วย ยารักษาสิวที่มีกลุ่มยาวิตามินเอรวมอยู่ด้วย ยาปฏิชีวนะ (รวมทั้งที่ใช้รักษาสิวด้วย) ยาคุมกำเนิด ก็เป็นสาเหตุทำให้ผิวไวต่อแดดได้ด้วย ดังนั้นหากเป็นไปได้ ก็ให้หลีกเลี่ยงยาเหล่านี้ก่อนการออกไปอยู่ท่ามกลางแสงแดดในหน้าร้อนด้วยค่ะ

2. ดูแลลักษณะของผิว
ผิวของบางคนอาจจะขาดชั้นที่ปกป้องเอาไว้ตามธรรมชาติ ชั้นที่ว่านี้อาจจะถูกทำลายได้ด้วยการอาบน้ำมากเกินไป ด้วยสบู่ทำความสะอาดที่รุนแรงเกินไป เช่นมีค่าความเป็นด่างสูง (ปกติ สบู่จะเป็นด่าง ไม่ใช่เป็นกรด) ดังนั้นจึงไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไป และใช้สารทำความสะอาดที่ค่อนข้างเป็นกลาง หลังจากอาบน้ำก็จัดการทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น นอกจากนั้นก็หลีกเลี่ยงการดื่ม ชา กาแฟ ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายขับน้ำได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ผิวแห้งกว่าปกติค่ะ

3. สร้างเกราะคุ้มกันแดดในหน้าร้อน
นอกจากจะระวัง จะป้องกันแล้ว เราก็ยังสามารถสร้างเกราะป้องกันผิวได้อีกในภาวะของหน้าร้อน งานนี้ต้องอาศัยยาช่วยสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ยาอันตรายหายากอะไร แต่เป็นวิตามินซีแสนเปรี้ยวแค่วันละ 2-3 กรัม หรือวิตามินอีวันละ 1,000 iu ก็จะทำให้ผิวสามารถทนทานต่อแสงแดดแรงกล้าได้ดีขึ้นค่ะ

4. ครีมกันแดดอย่างดี
ถ้าคุณสาวๆ เป็นผู้ที่ผิวมีความไวต่อแดดแบบนี้แล้วล่ะก็ ต้อง เลือกครีมกันแดด ที่สามารถป้องกันได้ทั้งยูวีเอและยูวีบี ในหลอดเดียวกัน โดยเลือกให้มีค่า PA+++ ขึ้นไป โดยที่ PA ย่อมาจากคำว่า Protection Grade of UVA ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐานในการวัดค่าการดูดซึมของรังสี UVA หรอก ดังนั้นจะถือว่าเป็นการวัดอย่างไม่เป็นทางการแต่ก็พอเป็นแนวทางได้ โดย PA+++ หมายถึงการมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด และเลือก SPF อย่างน้อย 40 ซึ่งจะดูดซับ UVB ได้ประมาณ 97% แต่ก็ต้องคอยเติมครีมกันแดดหากอยู่ภายใต้แสงแดดที่รุนแรงเป็นเวลานานๆด้วยนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น