Advertisement

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิธีง่ายๆให้"หน้าขาวใส"ด้วยมะนาว

มะนาวช่วยหน้าใส


       สมัยนี้ผู้คนส่วนมากดูแลตัวเองกันมากขึ้น ส่วนแรกที่เน้นก็คือใบหน้าต้องสวยใส วันนี้เราเลยมีวิธีง่ายๆไม่ซับซ้อนมาฝาก โดยใช้เพียงมะนาว ใช่แล้วค่ะก็ไอ้ลูกกลมๆสีเขียวๆนั่นไง ถึงแม้เดี๋ยวนี้จะหายาก ราคาแพงไปสักหน่อย แต่เพื่อความสวยแล้วก็ต้องลงทุนค่ะ รับรองว่าได้ผลแน่นอน! ที่สำคัญมะนาวยังราคาถูกกว่าครีมทั่วๆไปด้วยนะค่ะ ลองทำตามวิธีการต่อไปนี้ รับรองว่าใบหน้าของคุณจะแลดูเรียบเนียน ขาวใสแน่นอนค่ะ


1.นำมะนาวมา 1 ผล ล้างให้สะอาดแล้วใช้มีดผ่ามะนาวออกเป็นซีกใหญ่ๆ 3 ซีก บีบเอาน้ำมะนาวใส่ถ้วยรอไว้ ที่สำคัญอย่าเพิ่งทิ้งเปลือกมะนาวนะค่ะ

2.ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกัแล้วใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆซับใบหน้า แล้วอย่าลืมเก็บผมอย่าให้มาปรกหน้า

3.นำเปลือกมะนาวที่ถูกคั้นน้ำไปแล้ว ชุบกับน้ำมะนาวเล็กน้อยแล้วนำมาทาที่ใบหน้าอย่างเบาๆ ช้าๆ ค่อยๆถู นวดๆ แล้วอย่าลืมเปลี่ยนเปลือกมะนาวบ้าง

4.ทิ้งไว้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หรือถ้าไม่มีธุระอะไรจะทิ้งไว้หลายๆชั่วโมงก็ได้ หรือจะพอกก่อนนอนจนถึงตื่นนอนก็ได้ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

4 วิธีปกป้องผมแห้งเสียแบบง่ายๆ

เคล็ดไม่ลับ 4 อย่างปกป้องผมแห้งเสีย

     "เส้นผม" ที่ผู้หญิงสมัยใหม่มักจะมองข้ามความสำคัญตรงนี้ไป และหันไปใส่ใจกับสุขภาพผิวพรรณมากกว่าด้วยซ้ำ"เส้นผม" ถือเป็นอวัยวะภายนอกร่างกายอีกส่วนหนึ่งที่สามรถบ่งบอกได้ถึงบุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอของผู้เป็นเจ้าของเรือนผม ยิ่งถ้าคุณ ดัด ย้อม กัด โกรก เป่า อบ ยืด บ่อยแล้วล่ะก็ นั่นหมายถึงว่า ผมคุณจะแห้งเสีย มองซ้ายมองขวาก็เจอแต่ผมแห้งเสีย แตกปลาย ชี้ฟู เป็นไม้กวาด ส่งผลให้บุคลิกภาพของคุณเสีย ดูเป็นผู้หญิงที่ไม่พิถีพิถัน ดูไม่เป็นสุภาพสตรีเอาซะเลย ดังนั้นวันนี้เราเลยมีเคล็ดไม่ลับทำง่ายๆ ป้องกันผมเสียกันดีกว่า


สูตรที่ 1
     ให้นำกล้วยน้ำว้า 1 ลูก ควรเลือกลูกที่ไม่สุกมากนักมาปั่นผสมกับน้ำมัน อัลมอลด์ 1 ช้อนชา จากนั้นใช้น้ำอุ่นราดลงบนเรือนผมให้เปียกหมาดๆ แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาชโลมทั่งทั้งศีรษะและหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจึงล้างออกด้วนน้ำสะอาด ขอแนะนำให้ทำเป็นประจำนะคะ เพราะนอกจากเส้นผมจะกลับมาพลิ้วสลวยเหมือนเดิมแล้วยังช่วยให้เส้นผมดูมีน้ำหนักขึ้นด้วย

สูตรที่ 2
     นำตะไคร้ 2-3 ต้น มาตำให้ละเอียดและคั้นเอาแต่น้ำ นำมาหมักผมไว้หลังจากที่สระผมเสร็จเรียบร้อยแล้วทิ้งไว้สัก 10 นาที หมั่นทำเป็นประจำหลังสระผมก็จะช่วยคืนสุขภาพดีๆให้กับผมเราได้ค่ะ

สูตรที่ 3
     ใช้ไข่ไก่แต่เลือกเฉพาะที่เป็นไข่แดง 1 ฟอง นำมาตีให้เข้ากับน้ำมันมะกอกสัก 3 ช้อนโต๊ะ เสร็จแล้วนำมานวดที่เส้นผมให้ทั่วและทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง และสระผมตามปกติ ผมแห้งแตกปลายก็จะค่อยๆมีสุขภาพดีขึ้นแถมไม่เป็นรังแคด้วยค่ะ

สูตรที่ 4
     นำวุ้นจากว่านหางจระเข้ผสมกับไข่แดง ตามด้วยน้ำมันมะกอกและนำมาปั่นให้เข้ากัน จากนั้นนำมาหมักผมโดยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จึงล้างออก แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เส้นผมที่แตกปลายก็จะกลับมาแข็งแรงและนุ่มสลวยขึ้นค่ะ

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หน้าเรียวเล็กง่ายๆด้วย 8 วิธี

8 อย่างง่ายๆทำหน้าเรียวเล็ก



1. ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
     หากคุณเป็นคนดื่มน้ำน้อย รีบเปลี่ยนมาจิบน้ำบ่อย ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเถอะค่ะ เพราะร่างกายที่ได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะพยายามกักเก็บน้ำเอาไว้ภายในให้มากที่สุด สิ่งที่ตามมาก็คืออาการบวมน้ำที่มือ เท้า และใบหน้านั่นเอง หากดื่มน้ำได้พอดีกับความต้องการของร่างกาย ระบบภายในร่างกายก็จะทำงานได้ปกติ มีการกักเก็บและระบายน้ำออกมาอย่างสมดุล

2. ทานผักผลไม้แทนขนมขบเคี้ยว
     ลองเปลี่ยนพฤติกรรมทานขนบขบเคี้ยวระหว่างวัน มาเป็นการทานผักหรือผลไม้แทน นอกจากจะได้น้ำและความหวานตามธรรมชาติแล้ว ยังได้เซลลูโลสซึ่งทำให้อยู่ท้องไปจนถึงมื้ออาหาร ซึ่งจะช่วยให้คุณลดการบริโภคแป้งในอาหารมื้อนั้นได้ง่ายขึ้นด้วย

3. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
     งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เหล้า เบียร์ ไวน์ บรั่นดี ฯลฯ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญของการบวมน้ำ แถมยังมีปริมาณแคลอรี่สูงกว่าเครื่องดื่มทั่ว ๆ ไปอีกด้วย

4. เสริมแคลเซียมให้ร่างกายมากกว่าที่เคย
     ในหนึ่งวันร่างกายต้องการแคลเซียมไม่ต่ำกว่า 1,000 มิลลิกรัม เพื่อช่วยให้กระบวนการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะได้แคลเซียมตามปริมาณที่ร่างกายต้องการจากนม 3 แก้ว หรือโยเกิร์ต 800 กรัม หรือได้จากการทานปลา รวมทั้งถั่วต่าง ๆ ก็ด้วย



5. ลดปริมาณพลังงานลงวันละ 500 แคลอรี่
     ในการลดน้ำหนักทุก ๆ 0.5 กิโลกรัม คุณต้องกำจัดพลังงานให้ได้ 3,500 แคลอรี่เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ลองเริ่มทำให้ได้จากวันละ 500 แคลอรี่ ดูก่อนก็ได้ค่ะ ซึ่งทำได้ง่าย ๆ โดยการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานไปสัก 250 แคลอรี่ จากการเดินเร็ว 30 นาที หรือการออกกำลังกายหนัก 20 นาที และกำจัดอีก 250 แคลอรี่จากมื้ออาหารของคุณ

6. ลดอาหารรสเค็ม
     ยิ่งทานอาหารที่มีรสเค็มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้มากเท่านั้น เนื่องจากร่างกายต้องเก็บกักน้ำเอาไว้เพื่อขับโซเดียมที่ได้จากความเค็มออกมา เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด ของหมักดอง อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอกและแฮม รวมถึงมันฝรั่งทอดกรอบต่าง ๆ ด้วย นอกจากจะช่วยลดสาเหตุของอาการบวมน้ำได้แล้ว ยังทำให้คุณห่างไกลจากโรคความดันโลหิตสูงด้วยค่ะ

7. ออกกำลังกาย
     หากคุณลดน้ำหนักด้วยการควบคุมการทานอาหารแต่เพียงอย่างเดียว ถึงน้ำหนักจะลดลงแต่จะทำให้ผิวหนังของคุณดูเหี่ยวเหลว ไม่กระชับสดใส เพราะฉะนั้นจึงควรออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อควบคู่ไปด้วยค่ะ จะได้มีน้ำหนักที่พอดีและร่างกายที่ฟิตเฟิร์มด้วย

8. บริหารกล้ามเนื้อที่หน้า
     ออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อฟิตแอนด์เฟิร์มกันไปแล้ว คราวนี้ก็มาบริหารกล้ามเนื้อที่ใบหน้ากันบ้าง เพื่อที่ใบหน้าจะได้กระชับไงคะ ด้วยการ
-ฉีกยิ้มกว้าง ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อตึงตัว จากนั้นพูดคำว่า เอ,อู ยาว ๆ
-ทำปากจู๋เหมือนอมบ๊วยค้างไว้แล้วนับ 1-5 ในใจ
-อมลมที่แก้มทีละข้างให้ป่อง ทำสลับกันซ้ายขวา
-ฉีกยิ้มทีละข้างซ้ายและขวา พยายามยกมุมปากขึ้นให้มากเท่าที่คุณทำได้

ว่าด้วยเรื่องของสำลี ของใกล้ตัวที่ควรรู้

สำลี ของใกล้ตัวที่ควรรู้จัก

     สำลีของง่ายๆใกล้ตัวที่คุ้นเคยกันในชีวิตประจำวันซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในทุกขั้นตอนของการดูแลผิว ตกแต่งผิว  แต่มีคนสนใจบ้างไหมว่าแผ่นขาวๆ นุ่ม ชิ้นเล็กๆที่เรียกว่าสำลี นั้นก็อาจทำร้ายผิวพรรณเราได้เช่นกัน


     ตัวการหลักของการของในการทำร้ายผิวของสำลีก็ คือ สาร Fluorescence หรือที่รู้จักกันในนามสารเรืองแสง ซึ่งจะมาจากกระบวนการฟอกขาว เนื่องจากในการผลิเส้นใยธรรมชาติที่มักมีสารที่มีสีติดมาตามธรรมชาติ ทำให้เส้ยในมีสีออกเหลือง จึงจำเป็นต้องทำการฟอกขาวเส้นใยเพื่อให้มีความเหมาะสมในการใช้งาน ซึ่งสารฟอกขาวหรือสารเพิ่มความขาวสว่างนั้นเป็นสารเติมแต่งชนิดที่เป็นสารสียอมประเภทเรืองแสง และเมื่อใช้เช้ดทำความสะออดผิวแล้ว จะยังคงหลงเหลือสารตกค้างอยู่บนผิวหนัง ซึ่งจากการศึกษาพบว่าเมื่อสารเรื่องแสงได้รับรังสี UV จะทำให้เกิดสารที่ก่อมะเร็งบนผิวหนัง และอาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้

     สำลีที่ดีนั้นจึงควรเป็นสำลีที่ผลิตจากใยสำลีธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็น ที่ปราสจากสารเรืองแสง มีความนุ่มเป็นพิเศษ ลดการเสียดสีกับผิว ซึมซับน้ำได้ดี ไม่ยุ้ยง่าย เมื่อเช็ดไปบนผิวแล้วไม่หลงเหลือเส้นใยติดค้างบนผิวหนังหลังการใช้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลากหลายยี่ห้อที่มีคุณสมบัติครบตามสำลีที่ดี

มาทำBaby Oilสารพัดประโยชน์กันเถอะ


สูตร เบบี้ออยล์

     เบบี้เป็นมอยส์เจอไรเซอร์อย่างหนึ่ง ที่ช่วยทำให้ผิวแห้งกลับมาชุ่มชื้นดังเดิม อันที่จริงไม่ใช้แค่ผิวแต่สามารถใช้ประโยชน์ได้สารพัดประโยชน์ตั้งแต่ศรีษะจรดเท้ากันเลยทีเดียว  ไม่ว่าจะเช็ดเครื่องสำอาง หมักผม ทาผิวหลัง แถมยังหาซื้อได้ง่ายๆ ราคาถูก วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับดีๆมาชวนคุณผู้หญิงทำเบบี้ออยส์กันค่ะ



ส่วนผสม
- น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 1 ถ้วย
- น้ำว่านหางจระเข้ (ลองดูตามร้านขายยา แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ใช้น้ำกลั่นแทนก็ได้) 1 ถ้วย

วิธีทำ

     เทน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ลงในน้ำว่านหางจระเข้หรือน้ำกลั่น เวลาจะใช้ก็เขย่าน้ำกับน้ำมันให้เข้ากัน จากนั้นก็จุ่มแผ่นสำลีแล้วนำมากดเบา ๆ บริเวณดวงตาเป็นเวลาสองสามนาที แล้วค่อยเช็ดออกไปทางใบหูเบา ๆ ทำแบบนี้กับดวงตาอีกข้างและทั่วทั้งใบหน้า

* หรือเราอาจจะใช้ น้ำมันละหุ่ง น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันอัลมอนด์ แทนก็ได้ค่ะ

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

10 สูตรDietแปลกของสาวๆ Hollywood

ไดเอ็ทแปลกๆของ 10 สาวดังแห่งวงการ Hollywood

     ขึ้นชื่อผู้หญิงใครๆก็อยากสวย ผอม ดูดีกันทั้งนั้น แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้กัน วันนี้เราจึงมีข้อมูลไดเอ็ทของเหล่าดาราสาวๆของวงการ Hollywood มาฝาก มาดูกันว่าจะแปลกยังไง บางวิธีคุณอาจจะคิดว่าทำไม่หรอก แต่อย่าลืมนะค่ะว่า อย่างน้อยก็มีคนทำได้ก่อนคุณแล้ว 1 คน แบบนี้คุณจะทำไม่ได้ได้ยังไง(เอิ่ม... แต่บางวิธีก็ดูไม่ได้ก็เลือกแต่ที่ดีๆและกัน)ลองทำดูเพื่อคุณจะหุ่นสวยติดตาแมวมอง ได้เป็นดาราสาวแห่งวงการ Hollywood อีกคนก็ได้นะค่ะ

1. เอเดรียน่า ลิม่า

นางฟ้าแสนสวยของแบรนด์ชุดชั้นในแบรนด์ดัง เผยเคล็ดลับเตรียมหุ่นสุดฟิต เพรียวสวย ก่อนงานแฟชั่นโชว์ประจำปีของวิคตอเรีย ซีเคร็ต ว่า ก่อนโชว์ 9 วัน เธอจะกินแต่อาหารเหลวเท่านั้น และก่อนหน้าโชว์ 12 ชั่วโมงเธอจะงดดื่มน้ำ เพื่อให้ร่างกายได้กำจัดน้ำหนักส่วนที่เกิดจากน้ำออกมา .

2. มาดอนน่า

นักร้องตัวแม่ซูเปอร์สตาร์ค้างฟ้าอย่างมาดอนน่า ใช้วิธีไดเอ็ทด้วยการซื้อของทุกอย่างที่อยากกินมา แต่ไม่กินมัน

3. เจนนิเฟอร์ อนิสตัน

สาวเจนเธอบอกว่างดอาหารเช้าและดื่มเพียงน้ำมะนาวสดที่คั้นสด ๆ เท่านั้น เอิ่ม... อยากรู้ว่าถ้าไม่เปรี้ยวบ้างหรอ

4. บียอนเซ่

นักร้องคนสาวบียอนเซ่บอกว่าสูตรการลดน้ำหนักภายใน 14 วันของเธอ คือการดื่มแต่น้ำ และกินพริกคาเยนกับน้ำเชื่อมเมเปิ้ลเท่านั้น น้ำหนักของเธอลดลงฮวบฮาบ แต่เธอก็บอกว่ามันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีเท่าไหร่....ถ้ามันจะทรมานขนาดนั้นหาวิธีอื่นดีกว่าไหมค่ะบียอนเซ่

5. สนุ้กกี้

สาวนักแสดงชาวอเมริกันมีเคล็ดลับลดรีดน้ำหนักที่ฟังดูน่าตกใจ ด้วยการกินเพียงวันละ 1 มื้อ และประทังความหิวระหว่างวันด้วยไดเอ็ตคุกกี้เพียง 6 ชิ้นเท่านั้น

6. รีส วิทเธอร์สปูน

เคล็ดลับลดน้ำหนักของสาวคนนี้อยู่ที่การกินอาหารเด็กเป็นมื้อเช้าและกลางวัน ส่วนในตอนเย็นยังคงกินตามปกติ แต่เลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม (อืม วิธีนี้สิถึงดูน่ารักหน่อย)

7. เมแกน ฟ็อกซ์

จิ้งจอกสาวเผยเคล็ดลับดูแลรักษารูปร่างให้ดูดีอยู่เสมอด้วยการดื่ม น้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ลผสมน้ำเปล่าก่อนอาหารทุกมื้อ

8. นิโคล คิดแมน

นักแสดงสาวมากฝีมือบอกว่าเธอกินไข่ต้ม 1 ฟองสำหรับมื้อเช้า และอีก 2 ฟองเป็นมื้อเย็น แต่ถ้าหิวมากๆ ก็จะเพิ่มเป็น 3 ฟอง

9. เคที่ โฮล์มส์

ภรรยาคนสวยของ ทอม ครูซ มีเคล็ดลับการลดน้ำหนักอย่างกินแต่ซุปแครอทเป็นอาหารเช้า และบร็อคโคลี่สด ๆ เป็นอาหารเย็น

10. แอชลีย์ กรีน

แวมไพร์สาวจาก ทไวไลท์ เผยเคล็ดลับลดน้ำหนักแบบฉบับสาวเวิร์กกิ้ง วูแมนว่า 'เธอทำงานวันหนึ่งตั้ง 12 ชั่วโมง แค่นี้ก็แทบไม่มีเวลาจะกินอยู่แล้ว' น้ำหนักก็เลยลดลงไปโดยปริยาย


ป้องกันการแก่ก่อนวัย

อาหารสุขภาพป้องกันแก่ก่อนวัย



1. หยุดผมร่วง ด้วยการรับประทานกล้วย ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินบี สามารถช่วยป้องกันผมร่วงได้ดี หากรับประทานกล้วยในปริมาณที่พอดี จะช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่หนังศีรษะได้อย่างยาวนาน

2. ลดผิวมัน ธัญญาหารล้วนอุดมไปด้วยวิตามินบี 2 ซึ่งช่วยหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกินของผลิตภายในร่างกาย ฉะนั้น การรับประทานธัญญาหารทุกเช้าจะช่วยลดปัญหาผิวมัน และเส้นผมมันบางได้ดี

3. หยุดการลอกของผิวหนัง หากรับประทานปลาแซลมอนในเกลือรมควัน อาหารทะเล หรือสลัดผักเป็นประจำ จะช่วยทำให้หยุดปัญหาการหลุดลอกของผิวหนังได้

4. ชะลอผมหงอก ถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร สามารถช่วยชะลอผมหงอกได้ เพราะถั่วลิสงมีวิตามินบี ที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลา แถมยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นด้วย

5. ผิวเนียนใสเหมือนเด็ก ใครอยากมีผิวที่เนียนใสเหมือนเด็กทารก ให้กินมะม่วงเป็นประจำ เนื่องจากมะม่วงมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี ช่วยกระตุ้นการสร้างผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะ เพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระให้กลับมีความชุ่มชื่น และนุ่มเนียนอีกครั้ง

6.ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี ฝรั่งหรือน้ำฝรั่ง ซึ่งอุดมด้วยวิตามินซี จะช่วยเก็บรักษาคอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้ง ร่วมกับผลไม้อื่น ๆ เป็นประจำ ก็จะช่วยเพิ่มวิตามินซีได้ ทำให้คุณดูอ่อนกว่าวัยมากถึง 5 ปี

7. ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ อะโวคาโด ซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี จะช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย และร่างกายเกิดความต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งการถูกทำลายจากบรรยากาศที่มลภาวะเป็นพิษด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก โพสจัง

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หน้าใสอมชมพูด้วยโยเกิร์ต

หน้าใสอมชมพูง่ายๆด้วยโยเกิรต์

โยเกิร์ต เป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับสุขภาพ และยังมีสรรพคุณช่วยในการขับถ่ายแล้ว ยังช่วยคงความชุ่มชื้น ให้ใบหน้าสดใส เปล่งปลั่ง อีกด้วย วันนี้เราเลยนำเคล็ดลับดีๆเพื่อผิวหน้าให้ขาวสว่างกระจ่างใสมาฝากกันค่ะ



1. เตรียมโยเกิร์ตประมาณครึ่งถ้วย โดยเลือกรสธรรมชาติ

2. ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้วซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนู เก็บผมให้เรียบร้อยอย่าให้มาปรกหน้าได้

3. ใช้นิ้วมือแตะโยเกิร์ตมาพอกให้ทั่วบริเวณใบหน้า โดยเว้นรอบๆริมฝีปากและดวงตา เมื่อพอกจนเสร็จแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงค่อยใช้น้ำอุ่นๆล้างออกให้สะอาด แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ

มาร์คหน้าด้วยกล้วยช่วยให้หน้าขาว เนียน ใส

เคล็ดลับความสวยให้ใบหน้าขาวเนียนใส

ผิวหน้าของคนเรานั้นจะเจอมลภาวะทุกวัน ไม่ว่าจะแดด ลม ฝุ่น ควัน ทำให้ใบหน้าเราสูญเสียความชุ่มชื่น  วันนี้เราเลยมีวิธีง่ายๆคืนความชุ่มชื้นแก่ผิว เพื่อผิวขาวเรียบเนียนมาฝาก โดยใช้เพียงแค่ กล้วย แหล่งอุดมไปด้วยสารประโยชน์สารพัด และยังหาง่าย มาฝากค่ะ



1. เตรียมกล้วยหอม 2 ผล มีด เครื่องปั่นหรือส้อม ที่คาดผมหรือหมวกคลุมอาบน้ำ นำกล้วยหอมมาปอก
เปลือก แล้วใช้มีดหั่นเป็นแว่นๆ แล้วใช้ส้อมยีกล้วยให้เละมากๆ หรือใช้เครื่องปั่น

2. ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นแล้วซับหน้าให้แห้งสนิทด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ อย่าลืมเก็บเส้นผมอย่าให้มาปรกหน้านะค่ะ

3. ใช้ปลายนิ้วแตะเนื้อกล้วยหอมพอกให้ทั่วใบหน้า พร้อมกับนวดคลึงให้ทั่วใบหน้า เว้นบริเวณเปลือกตาและริมฝีปากไว้

4. ทิ้งไว้สัก 25-30 นาที ระหว่างรอเวลา ห้ามพูดคุย ยิ้ม หรือเคลื่อนไหวใบหน้า จนได้เวลาแล้วก็ล้างออกแล้วซับให้แห้งสนิทด้วยผ้าขนหนูอีกที แค่นี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ

*เพื่อให้เห็นผลได้เร็วขึ้นควรทำเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้ใบหน้าขาวใส นุ่มนวล และมีผิวหน้าที่ชุ่มชื่น

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ลดน้ำหนักง่ายๆแบบเกาหลี ฟีเว่อร์

ลดน้ำหนักง่ายๆแบบสาวเกาหลี

     สำหรับสาวๆ คนไหนที่กำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักอยู่หล่ะก็ วันนี้เรามีวิธีลดน้ำหนักแบบตามเทรนด์กระแส K-pop ฟีเวอร์มาฝากก แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามทีคุณผู้หญิงก็ควรที่จะหาเวลาออกกำลังกายบ้างก็ช่วยส่งเสริมสุขภาพและเร่งการเผาผลาญช่วยในการลดน้ำหนักและลดความอ้วนด้วยนะค่ะ ส่วนตอนนี้เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า


5 วิธีลดน้ำหนักแบบสาวเกาหลี

     อาหารเกาหลีนั้นมีสารอาหารที่สมดุลทำให้การควบคุมน้ำหนักเป็นไปได้ง่ายโดยทั่วไปนั้นการกินแบบเกาหลีจะประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตดีจากผักและข้าว 70% โปรตีน 14-17% และมีไขมันประมาณ 13% เมื่อเปรียบเทียบกับการกินของฝั่งตะวันตกซึ่งมักจะมีไขมันถึง 30-40% และน้ำตาลอีก 15%

1. กินผักให้เรียบ
อาหารเกาหลีอย่างเช่น Bibimbap (ข้าวยำเกาหลี) และ Onmyeon (ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ) มีผักสีสันต่างๆ มากมายทั้งผักป่าและผักสนครัว และแม้ว่าคุณจะสั่ง Bulgogi (เนื้อวัวหมักย่าง) ก็มักจะมีผักเป็นเครื่องเคียง (โดยที่ไม่ต้องขอ)

2. ปรุงด้วยรสจัด
อาหารเกาหลีมีชื่อเสียงเรื่องรสชาติจัดจ้านเครื่องเทศหรือพริกต่างๆ มักจะถูกนำมาใช้ในอาหารเกาหลีเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าอาหารแล้วยังช่วยใน เรื่องการลดน้ำหนัก เนื่องจากการเติมเครื่องเทศรสจัดจ้านลงไปจะช่วยเร่งอัตราเผาผลาญพลังงานอีกด้วย

3. อย่าลืมกิมจิ
กิมจิอาจจะเป็นอาหารที่โดดเด่นที่สุดของเกาหลีโดยทั่วไปมักทำมาจากกะหล่ำปลีแล้วนำมาปรุงรสกับขิง พริกผง และกระเทียม และคนเกาหลีส่วนใหญ่มักจะกินคู่กับข้าวทุกๆมื้อ และที่สำคัญมีติดตู้ทุกบ้าน นอกจากนี้ยังเชื่อว่ากิมจิมีสารอาหารสูงมากและดีต่อระบบย่อยอาหาร

4. ลองโสมเกาหลีดูสิ
เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่เกาหลีอ้างว่ารากโสมมีสรรพคุณมากมายรวมถึงช่วย ในการลดน้ำหนัก แต่ที่จริงแล้วโสมเกาหลีช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งนี่อาจจะช่วยควบคุมความ อยากน้ำตาลได้ด้วย

5. กินช้าๆ
การกินอาหารเกาหลีสำรับมักจะมาเป็นวงมากกว่าเป็นสำรับของแต่ละคนและ การกินอาหารกับคนหมู่มากก็ทำให้เรากินช้าลงสมองก็จะมีเวลาสั่งการว่าอิ่ม แล้วนะเราจึงกินน้อยลง

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ผมสวยง่ายๆแค่หวีผมให้ถูกวิธี

วิธีหวีผมที่ถูกต้อง



      ผมสวยๆ เป็นสิ่งที่เสริมส่งราศีให้กับสาวๆ นอกจากใบหน้าที่สดใส แต่สิ่งหนึ่งที่สาวๆ อาจจะลืมไปก็คือวิธีหวีผมนั้นเองซึ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเลือกทรงผม การสระผม ถ้าเราดูแลไม่ดีจากผมสวยสุขภาพดี อาจกลายเป็นแห้ง หยาบ ดูไม่มันเงา ถ้าไม่อยากให้ผมของสาวๆเป็นแบบนั้นล่ะก็ ลองมาดูวิธีดีๆอีกหนึ่งตัวช่วยหนึ่งดูแลผมคุณสาวๆกันดีกว่า

วิธีหวีผมที่ถูกต้อง


1. เริ่มจากหวีทีละส่วนอย่างเบามือ
เลือกจับผมออกมาทีละช่อ จากนั้นค่อยๆ หวีผมที่อยู่ระหว่างมือที่จับผมไว้ไปยังปลายผม ค่อยๆ หวีจนกระทั่งสามารถคลายเอาความยุ่งเหยิงทั้งหลายออก

2. หวีแรงขึ้นอีกนิด
เมื่อเส้นผมโดยเฉพาะที่อยู่ด้านปลาย ได้คลายออกจากกันแน่นอนแล้ว เราก็สามารถหวีด้วยแรงที่มากได้ หวีแบบนี้ไปสัก 5-10 ครั้งค่ะ

3. ขยับมือขึ้นอีกหน่อย
จากนั้นก็ขยับมือขึ้นอีกหน่อยในช่อผมเดิมนั้น ทำซ้ำตามข้อที่ 1 และ 2 ด้านบน ทำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดถึงโคนเส้นผม

4. เปลี่ยนช่อเส้นผม
ปล่อยมือจากผมช่อเดิม แล้วหันไปจับผมช่ออื่นบ้าง จากนั้นทำซ้ำตามข้อที่ 1-3 จนกระทั่งหวีผมทั่วหมดทั้งศีรษะ

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ลดความมันใบหน้าง่ายๆด้วยมาร์กไข่ขาว

ไข่ขาวลดความมันบนใบหน้า



     วันนี้เรามีเคล็ดลับความสวย แบบง่ายๆแสนประหยัด โดยใช้เพียงไข่ขาว คุณก็จะได้ใบหน้าที่ใสสะอาดปราศจากความมันบนใบหน้า เพราะใบหน้าถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งเพราะไม่ว่าเราจะเดินไปไหน พบปะกับใคร ล้วนต้องได้พบเจอะเจอกับผู้คนมากมาย ดังนั้นใบหน้าของจึงถือว่าเป็นใบเบิกทางได้ด้วยเหมือนกันนน
     งั้นตอนนี้เราปฏิบัติการกำจัดความมันบนใบหน้ากันดีกว่า

1. ตอกไข่ใส่ชาม โดยเลือกเฉพาะไข่ขาวเท่านั้น
2.ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น เสร็จแล้วซับหน้าให้แห้ง
3.คาดผมอย่าให้ผมมาปรกหน้า
4.ใช้นิ้วค่อยๆแตะที่ไข่ขาว แล้วนำมาทาที่ใบหน้า โดยเว้นบริเวณเปลือกตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นล้างหน้าให้สะอาด แล้วอย่าลืมค่อยๆซับหน้ากันนะค่ะ ง่ายๆแค่นี้ก็เสร็จแล้วค่ะ

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กล้วยช่วยลดน้ำหนักได้จริง !

ลดน้ำหนักง่ายๆ เพียงกินกล้วยมื้อเช้า



     หลายคนสงสัยว่า กล้วยช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้อย่างไร คุณเชื่อหรือไม่ว่ากล้วยสามารถช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้ ไม่งั้นคุณลองอ่านสารประโยชน์ของกล้วยกันสิค่ะ สารประโยชน์ดีๆของกล้วยหนึ่งใบ เพียบเลย แถมยังหาง่าย ราคาถูกด้วยนะค่ะ


สารอาหารที่ได้จากกล้วย
1. วิตามินบี1 และบี 2 เร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน
2. เกลือแร่ ช่วยในการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ ช่วยควบคุมความดันเลือด
3. มีเส้นใยอาหาร (fiber) บรรเทาอาการท้องผูกได้ดี
4. กล้วยยังมีฤทธิ์ในการขับพิษสูง เพราะแป้งในกล้วยดิบจะช่วยดีท็อกซ์ ส่วนกล้วยสุกช่วยเสริมภูมิต้านทานป้องกันหวัดได้ดี
5. สารโพลีฟินอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
6. สารยูจินอล ซึ่งเป็นไฟโตเคมีคัล ที่ช่วยเร่งการพัฒนาสภาพร่างกาย
7. เซโรโทนิน ช่วยลดอาการหงุดหงิด และทำให้ความอยากอาหารลดลง
8. ในเนื้อกล้วยเองมีเอ็นไซม์ช่วยย่อย
9. น้ำตาลในกล้วย ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มีสมาธิกับการทำงานมากขึ้น
10. มีผลวิจัยว่ากล้วยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ NK ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่จัดการมะเร็งได้ด้วย




วิธีปฏิบัติง่ายๆ

1. เริ่มจากกินกล้วยหอมอย่างเดียวในมื้อเช้า จะกี่ลูกก็ได้ตามต้องการ เคี้ยวให้ละเอียด หลังจากกินเสร็จแล้วยังหิวอยู่ ให้เว้นระยะเวลา 15-30 นาที เพื่อแบ่งเบาภาระของกระเพาะของเราไม่ให้เหนื่อยเกินไปที่จะผลิตน้ำย่อยกรดด่างต่างกัน
2. เครื่องดื่มที่ดื่มควบคู่กับกล้วยหอมตอนเช้าคือน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้อง และดื่มบ่อยๆตามต้องการเลย
3. ส่วนมื้อกลางวัน จะกินอะไรก็ได้ แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียด กินให้พอเหมาะและไม่อึดอัดท้องจนเกินไป
4. พอถึงบ่ายสามก็กินของว่างได้บ้าง โดยเฉพาะของว่างประเภทข้าว ช็อกโกแลต หรือผลไม้
5. กินอาหารเย็นก่อน 6 โมงเย็นแต่ไม่เกิน 2 ทุ่ม
6. นอนหลับให้ไวขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนอนก่อนเที่ยงคืนให้ได้ พยายามนอนก่อนเที่ยงคืนให้เป็นนิสัย เพื่อฟื้นฟูร่างกายขณะหลับ กำจัดความเหนื่อยล้าซึ่งจะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพผอมได้ง่าย
7. ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายทำให้พอเหมาะ เพื่อร่างกายสดชื่น

      สูตรกินกล้วยหอม 2-4 ผล พร้อมกับน้ำในอุณหภูมิห้องในมื้อเช้า ลดน้ำหนักนี้มาจากเภสัชกรนางหนึ่ง ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารให้กับสามีที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ผลจากสูตรนี้ทำให้ลดน้ำหนักลงได้ถึง 16.6 กิโลกรัม เธอจึงแนะนำสูตรนี้ลงบน MIXI ชุมชนออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ใส่แว่นตาให้เหมาะกับรูปหน้า

ใส่แว่นตาให้เหมาะกับใบหน้า

     แว่นตาเป็นสิ่งที่มนุษย์ได้คิดค้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าแต่เดิมเป็นอุปกรณ์ทวิทยาศาสตร์ด้านแสง ที่ทำหน้าที่ทำให้เราสามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ช่วยแก้สายตาสั้น  สายตายาว เป็นหน้าที่หลักของแว่นตาเมื่อนานมาแล้ว

     แต่ในปัจจุบันนี้ แว่นตายังถูกออกแบบเพื่อแว่นกันแดด หรือเพื่อวัตถุประสงค์ด้านแฟชั่น ความสวยงามต่างๆ การเลือกแว่นตาที่ดี ต้องช่วยกรองรังสียูวีได้ดี ท่่ามกลางแสงแดดร้อนแรงถนอมสายตาของเรา แต่ไม่ว่าเราจะใส่แว่นตาเพื่อจุดประสงค์อะไรก็แล้วแต่ เมื่อมาอยู่บนใบหน้าของเราแล้วเราก็ควรจะเลือกให้เหมาะกับรูปหน้า ไม่จำเป็นที่ว่าแว่นตาต้องแพงแค่ขอให้กรอบแว่นตา สีแว่นตา เหมาะกับเราคุณว่าแบบนั้นไหมค่ะ ?

สำหรับคนที่มีหน้ากลม ใบหน้าเล็กแต่โครงหน้ายาวควรเลือกแว่นทรงสี่เหลี่ยม เพื่อช่วยเสริมโครงหน้าของผู้ใส่ให้ดูดีมีสัดส่วน แต่ถ้าคนที่มีใบหน้าเล็ก สั้น แว่นที่เหมาะๆ ควรจะมีลักษณะเป็นวงรี เพื่อช่วยให้ใบหน้าดูใหญ่และเรียว


ส่วนคนหน้าเหลี่ยม ควรหลีกเลี่ยงการเลือกแว่นเหลี่ยม เนื่องจากเป็นตัวตอกย้ำความเหลี่ยมของตัวเอง ดังนั้น ควรเป็นแว่นขอบมนๆ เลนส์ใหญ่ๆ จะดี ให้เกิดส่วนโค้งส่วนเว้าของใบหน้า และคนที่หน้าเรียว แหลม ต้องแว่นมนๆ หรือทรงสี่เหลี่ยม ไว้พรางความแหลมของใบหน้า



ส่วนคนใบหน้ารูปไข่ อาจจะหาได้ไม่ยาก เนื่องจากเหมาะกับแว่นตาแทบทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นทรงเหลี่ยม หรือทรงกลม เพียงแต่สิ่งสำคัญอาจจะต้องเน้นเรื่องอินเทรนด์สักหน่อย



ส่วนคนผู้ที่ไม่ค่อยมีดั้ง หรือดั้งไม่โด่ง หน้าตาแบนราบควรเลือกแว่นที่มีแป้นเหล็กยื่นออกมา พยายามอย่าเลือกแว่นที่แป้นติดกับแว่นตา เพราะจะทำให้ใบหน้ามีโครงมีสันมากขึ้น ส่วนคนที่มีดั้งอยู่แล้วเลือกใส่ได้ทุกแบบ

8 สิ่งตัวทำลายความงาม

8 สิ่งตัวทำลายความงาม



1. ใช้ปลอกหมอนใบเดิมนานเกิน 2 อาทิตย์
     สาวๆลองมองหันรอบตัวดูสิค่ะ มีปอกหมอนใช้เกิน2 สัปดาห์รึป่าวเอ่ย สาวๆรู้รึไม่ว่าปลอกหมอนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะสมของแบคทีเรีย ที่อาจจะมากับร่องรอยคราบไคลจากเครื่องสำอางและน้ำมันจากใบหน้าคุณ ไหนจะไรฝุ่นที่ติดอยู่กับห้อง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสกปรกและก่อให้เกิดสิ่งอุดตันรูขุมขนคุณ ทำให้เกิดสิวได้ ทางที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนปลอกหมอนทุกสัปดาห์ และเช็ดเครื่องสำอางออกจากใบหน้าให้หมดเกลี้ยงก่อนเข้านอนด้วยนะค่ะ

2. ลอกมาสคาร่าออกจากขนตา
    เวลาที่มาสคาร่าแข็งตัวเกาะแห้งกรังคาขนตาคุณนั้น มักจะทำให้คุณอดใจไม่ไหว และใช้มือแกะมันออก แต่ปัญหาคือแค่ดึงนิดเดียวก็สามารถทำให้ขนตาอันบอบบางหลุดออกมาได้ วิธีเลี่ยงอาการมาสคาร่าติดตาคือ ให้ใช้แป้งฝุ่นปัดขนตา จากนั้นค่อยทามาสคาร่าซ้ำสองครั้งตรงปลายขนตาเท่านั้ น ส่วนกานล้างมาสคาร่านั้น ก็ควรซื้อที่ทำความสะอาดสำหรับมาสคาร่าโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยเช็ดมาสคาร่าออกได้อย่างง่ายดาย แต่ต้องเลือกที่มีการรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพราะผิวบริเวณรอบดวงตานั้น เป็นจุดที่บอบบางที่สุดอีกจุดทีเดียว   (ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ♥)

3. อาบน้ำฝักบัวร้อนจี๋ทีละนานๆ
    หลายคนคิดว่าการอาบน้ำร้อนจัดๆนั้นดีสำหรับผิว ที่จริงแล้วเป็นการปล้นความชุ่มชื้นไปจากผิวมากกทำให้ผิวแห้งกร้าน เวลาคุณยืนอาบน้ำฝักบัวร้อนๆนานๆเกินสิบนาที คุณลอกเอาชั้นน้ำมันตามธรรมชาติจากผิวหนังไปหมดเกลี้ยง สาวๆควรจำไว้ว่าม่ว่าจะอาบนานแค่ไหน ผิวจะเสียความชุ่มชื้นไปอยู่ดี โดยเฉพาะหน้าหน้ายิ่งหนาวเราก็ยิ่งอยากอาบน้ำร้อน เพราะฉะนั้นเราควรเลือกโลชั่นที่เกี่ยวกับให้ความชุ่มชื่นกับผิวหรือให้ดีทา oil ด้วยก็ดีนะค่ะ



4. ทารองพื้นไปทั่วใบหน้า
    พวกเราส่วนใหญ่มักลงรองพื้นที่หน้าและคอทั่วไปหมดเพื่อให้ดูเอี่ยมอ่อง แต่จะบอกให้ว่า ทารองพื้นมากเกินงามก็จะทำให้หน้าคุณโพลนว่อกเหมือนใส่หน้ากาก และเรียกร้องความสนใจว่าดูไม่ได้ แทนที่จะปิดซ่อนใบหน้า ข้อแนะนำจากเรา ควรใช้รองพื้นเฉพาะจุดที่คุณต้องการปรับผิวให้สม่ำเสมอกันเท่านั้น เช่น ข้างจมูก ใต้ตา และรอบปาก เท่านั้นก็พอ

5. ใช้ผ้าเช็ดตัวถูหน้าแรงๆ
     การเช็ดหน้าแรงๆอาจทำให้ตาสว่าง แต่ทำร้ายผิวคุณนะจะบอกให้ ผิวพรรณที่ใบหน้านั้นละเอียดอ่อนกว่าบริเวณอื่นๆในตัว เพราะฉะนั้นเมื่อถูแรงเกินไปหลอดเลือดบริเวณนั้นจะแตกและแห้งง่าย และผ้าเช็ดหน้าขอเรายังเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียต่างๆ อาจก่อให้เกิดสิวได้ วิธีเช็ดหน้าง่ายๆคือให้เช็ดเบาๆด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆค่อยๆซับเท่านี้ขี้คร้านจะแห้งได้โดยไม่ต้องระคายผิว

6. ใช้สำลีพันปลายไม้ไชหู
     สำลีพันปลายไม้ไชหูข้างนอกได้ แต่อย่าทะลวงเข้าไปลึกถึงหูชั้นในเด็ดขาด เพราะเท่ากับคุณผลักดันขี้หูให้ลึกเข้าไปอีก และทำให้เกิดอาการหูอักเสบได้ ทำความสะอาดหูให้ถูกด้วยการใช้ปลายผ้าขนหนูพันนิ้วชี้ค่อยๆเช็ดรอบๆหูและหูส่วนนอก

7. เล็มปลายผม
     อาจจะดูเป็นวิธีการกำจัดผมแตกปลายได้เร็วรี่ แต่มันก็เป็นวิธีที่ง่ายและแก้ได้ตรงจุด คือ ให้ใช้กรรไกรเล็กๆเล็มตรงจุดที่เริ่มแตกหรือเล็มปลาย ผมทั้งหมดให้เท่ากันไปเลย

8. แต่งหน้าก่อนเป่าผม
    ความร้อนจากเครื่องเป่าผมจะทำให้คุณเหงื่อไหลไคลย้อย ทำให้เครื่องสำอางหยดแหมะเปล่าๆ(และยังเปลือง เสียเวลาแต่งใหม่) วิธีป้องกันไม่ให้เครื่องสำอางเลอะเทอะคือให้เป่าผมซะก่อน จากนั้นค่อยแต่งหน้า ลดเวลาเป่าผมด้วยการปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติไประหว่างคุณประทินโฉมความงามของตนเอง นอกจากจะสวยทั้ง ผิวกาย ผิวหน้าแล้ว ผมคุณจะตรงสวย เพราะการปล่อยให้ผมแห้งธรรมชาติเป็นวิธีถนอมเส้นผมให้สวยคู่กับคุณไปนานๆ  แบบนี้สิค่ะถึงเรียกว่า สวยตั้งแต่หัวจรดเท้าจริง^_^

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กินอย่างไรให้ห่างไกลความอ้วน

กินอย่างไรให้ห่างไกลความอ้วน

ในยุคที่กระแสคนรักสุขภาพกำลังได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก รวมทั้งคนไทย การกินเพื่อสุขภาพคือสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องให้ความใส่ใจ เพราะการกินไม่ใช่แค่การสนองความต้องการหรือให้อิ่มท้องเท่านั้น หากแต่ยังต้องคำนึงถึงผลที่มีต่อสุขภาพด้วย แต่จะมีสักกี่คนที่จะใส่ใจกับเรื่องกินแบบนี้ โดยเฉพาะบางคน อกหักรักคุด เครียด ช้ำใจ แล้วมาระบายกับการกินอาหาร แต่คุณรู้ไหมว่า การกินมากๆก็มีผลเสียกับร่างกายเหมือนกัน นอกจากจะทำให้เป็นโรคอ้วนแล้ว โรคอ้วนยังเป็นที่มาของโรคต่างๆด้วย เราไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณกิน เพียงแต่บอกให้คุณลองเปลี่ยนพฤติกรรมการกินดีกว่านะค่ะ วันนี้เราเลยมีสาระดีๆ เกี่ยวการกินมาฝาก ^^



1.ทานอาหารเช้า
   เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดและควรเป็นมื้อที่มีคุณค่าครบทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะช่วยเติมพลังให้ร่างกายและสมองแล้ว ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดช่วยให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้น นอกจากนี้มื้อเช้ายังทำให้มื้อต่อๆไปของคุณไม่กินมาก จนกลายเป็นไขมันสะสม เพราะคุณไม่ได้ใช้พลังงานเท่าที่ควร

2.รัปประทานผักผลไม้ให้เยอะๆ เป็นประจำ
  เพราะผักผลไม้ เป็นแหล่งรวมของไฟเบอร์ ดีต่อระบบขับถ่ายของคุณและยังเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ทำให้คุณมีผิวพรรณที่สดใส และช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ช่วยลดคลอเลสเตรอลและสารก่อมะเร็งให้อีกด้วย  ที่สำคัญทำให้อิ่มเร็วด้วยนะจ๊ะ

3.เลือกอาหารจากแหล่งธรรมชาติ
   เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์(มอลต์) ถั่ว ข้าวสาลี (โฮลวีต) เมล็ดทานตะวัน ธัญพืช เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีนที่ปราศจากคอเลสเตอรอลและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีสารแอนติออกซิแดนท์ ใยอาหาร และยังช่วยลดความดันโลหิต โรคหัวใจ ได้อีกด้วย

4.ลดขนมขบเคี้ยว หรือ สารปรุงแต่งที่มีปริมาณน้ำตาลสูงๆ
  เพราะนอกจากคุณจะไม่ได้ประโยชน์แล้วยังได้โทษอีกด้วย

5.ออกกำลังกาย
  ออกกำลังกายอย่างน้อย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที ให้ร่างกายได้ขับของเสียออกมาและการออกกำลังกายนี้ยังเป็นการ เบิรน์พลังงานที่สะสมมาให้เราใช้ได้มากขึ้น จะได้ไม่เป็นไขมันสะสมในร่างกาย แหล่งของความอ้วน  แล้วยังช่วยให้ผิวพรรณกระชับ เต่งตึงอีกด้วยนะ

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การดูแลผิวในช่วงฤดูร้อน หน้าร้อนในเมืองไทย

การดูแลผิวช่วงฤดูร้อน

คงไม่ต้องพูดถึงอุณหภูมิและความแรงของแสงแดดในหน้าร้อนอย่างในเมืองไทย เพราะบางทีเรายังมีคำพูดเล่นๆ กันว่า เมืองไทยนั้นมีหน้าร้อน ร้อนกว่า และร้อนที่สุด เลย ซึ่งหน้าร้อนแบบนี้ สาวๆ หลายคนอาจจะมีปัญหาเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง แม้จะใช้ครีมกันแดดแล้วก็ตามแต่ก็ยังทำให้ผิวแสบร้อน เปลี่ยนเป็นสีแดง บางทีก็มีอาการคัน และเปลี่ยนสีเป็นดำคล้ำอีก ซึ่งกว่าจะหายไปก็ต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กันเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้เรามีสาระดีๆมาฝาก สำหรับสาวๆ ในการดูแลสุขภาพผิวช่วงหน้าร้อนกัน พร้อมบอกลาผิวไวต่อแสงแดดในหน้าร้อนกันดีกว่า

การดูแลผิวในฤดูร้อน


วิธีป้องกันแสงแดดในหน้าร้อน

1. ระวังยาที่รับประทาน
บางครั้งสาวๆ อาจจะได้รับยาหรือรับประทานยาซึ่งไม่ทราบว่ามีผลต่อความไวแดดของผิวด้วย ยารักษาสิวที่มีกลุ่มยาวิตามินเอรวมอยู่ด้วย ยาปฏิชีวนะ (รวมทั้งที่ใช้รักษาสิวด้วย) ยาคุมกำเนิด ก็เป็นสาเหตุทำให้ผิวไวต่อแดดได้ด้วย ดังนั้นหากเป็นไปได้ ก็ให้หลีกเลี่ยงยาเหล่านี้ก่อนการออกไปอยู่ท่ามกลางแสงแดดในหน้าร้อนด้วยค่ะ

2. ดูแลลักษณะของผิว
ผิวของบางคนอาจจะขาดชั้นที่ปกป้องเอาไว้ตามธรรมชาติ ชั้นที่ว่านี้อาจจะถูกทำลายได้ด้วยการอาบน้ำมากเกินไป ด้วยสบู่ทำความสะอาดที่รุนแรงเกินไป เช่นมีค่าความเป็นด่างสูง (ปกติ สบู่จะเป็นด่าง ไม่ใช่เป็นกรด) ดังนั้นจึงไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไป และใช้สารทำความสะอาดที่ค่อนข้างเป็นกลาง หลังจากอาบน้ำก็จัดการทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น นอกจากนั้นก็หลีกเลี่ยงการดื่ม ชา กาแฟ ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายขับน้ำได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ผิวแห้งกว่าปกติค่ะ

3. สร้างเกราะคุ้มกันแดดในหน้าร้อน
นอกจากจะระวัง จะป้องกันแล้ว เราก็ยังสามารถสร้างเกราะป้องกันผิวได้อีกในภาวะของหน้าร้อน งานนี้ต้องอาศัยยาช่วยสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ยาอันตรายหายากอะไร แต่เป็นวิตามินซีแสนเปรี้ยวแค่วันละ 2-3 กรัม หรือวิตามินอีวันละ 1,000 iu ก็จะทำให้ผิวสามารถทนทานต่อแสงแดดแรงกล้าได้ดีขึ้นค่ะ

4. ครีมกันแดดอย่างดี
ถ้าคุณสาวๆ เป็นผู้ที่ผิวมีความไวต่อแดดแบบนี้แล้วล่ะก็ ต้อง เลือกครีมกันแดด ที่สามารถป้องกันได้ทั้งยูวีเอและยูวีบี ในหลอดเดียวกัน โดยเลือกให้มีค่า PA+++ ขึ้นไป โดยที่ PA ย่อมาจากคำว่า Protection Grade of UVA ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐานในการวัดค่าการดูดซึมของรังสี UVA หรอก ดังนั้นจะถือว่าเป็นการวัดอย่างไม่เป็นทางการแต่ก็พอเป็นแนวทางได้ โดย PA+++ หมายถึงการมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด และเลือก SPF อย่างน้อย 40 ซึ่งจะดูดซับ UVB ได้ประมาณ 97% แต่ก็ต้องคอยเติมครีมกันแดดหากอยู่ภายใต้แสงแดดที่รุนแรงเป็นเวลานานๆด้วยนะคะ