Advertisement

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เทคนิคง่ายๆให้ปากน่าจูจุ๊บ

ปากเรียวน่าจูจุ๊บ




1. ดื่มน้ำเยอะ ๆ
     เริ่มต้นง่าย ๆ สู่การมีเรียวปากอมชมพูอิ่มเอิบด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ฟังดูเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่เชื่อไหมคะว่าส่วนใหญ่คนเราดื่มน้ำกันวันละนิดเดียวเท่านั้นเอง อย่างมากก็แค่หลังกินข้าว ส่วนระหว่างวันมักจะดื่มชากาแฟ หรือน้ำหวานกันมากกว่า แต่ถ้าอยากให้ริมฝีปากอมชมพูยังไงก็ต้องเลือกดื่มน้ำเปล่าเท่านั้นนะจ๊ะ ดื่มให้มากพอกับความต้องการของร่างกาย ยิ่งถ้าคุณเป็นสาวกิจกรรมเยอะ เสียเหงื่อมาก ออกกำลังกายหนัก ก็ยิ่งต้องดื่มน้ำให้มากขึ้นตามไปด้วยนะคะ

2. เติมสีสดใสให้เรียวปากจากเมคอัพที่มีอยู่แล้ว
     วิธีเซฟมันนี่และให้เรียวปากดูมีสีระเรื่อสวยงามทำได้ด้วยการใช้ลิปบาล์มไม่มีสีทาลงไปที่ริมฝีปาก แล้วตามด้วยการใช้นิ้วป้ายบลัชออนหรืออายแชโดว์ในโทนสีชมพูไปแตะที่ริมฝีปากอีกที คราวนี้ก็มีริมฝีปากอมชมพูกันได้แล้วจ้ะ

3. ดื่มน้ำหวานต่าง ๆ โดยใช้หลอด
     เครื่องดื่มเย็น ๆ ที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชาเย็น โกโก้ ฯลฯ หากจะดื่มมันก็ควรจะใช้หลอด เพื่อที่สีของเครื่องดื่มจะได้ไม่เปรอะเปื้อนริมฝีปากจนกลบสีริมฝีปากจริงไปหมดนั่นเอง

4. เบรกความคล้ำด้วยลิปบาล์มผสมสารกันแดด
     ผิวพรรณโดดแดดบ่อย ๆ ก็ดำคล้ำกันได้ ผิวจึงไม่เปล่งปลั่งสดใสอย่างที่ควร ริมฝีปากเองก็เช่นเดียวกันค่ะ อุตส่าอยากมีริมฝีปากอมชมพูสุขภาพดีแต่ดันตรากตรำกรำแดดแบบไม่ปกป้องผิวเลยก็คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องปกป้องริมฝีปากจากแสงแดดด้วยการใช้ลิปบาล์มที่ผสมสารกันแดด เรียวปากจะได้ไม่คล้ำและดูสดใสอมชมพูได้ง่ายขึ้นค่ะ

5. ลิปบาล์มเจือสี เรียวปากชมพูระเรื่อสุขภาพดีแบบง่าย ๆ
     จะมีอะไรดีไปกว่าการได้บำรุงริมฝีปากและได้แต่งเติมสีสันชมพูระเรื่อสุขภาพดีไปพร้อม ๆ กัน คุณสามารถทำทั้งสองอย่างนี้ได้ด้วยลิปบาล์มแบบเจือสีเพียงแท่งเดียว ทาแล้วเรียวปากชุ่มชื้นอวบอิ่มแถมยังเจือสีอ่อน ๆ ทาแล้วระเรื่อสดใสเป็นธรรมชาติน่าจุ๊บสุด ๆ เลย

6. สครับริมฝีปาก
    สาว ๆ หลายคนอาจจะลืมไปว่าที่จริงแล้วริมฝีปากก็นับเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนัง ผิวจะสวยก็ต้องขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปเพื่อให้ผิวใหม่ได้เผยความสดใสขึ้นมา ริมฝีปากเองก็ต้องการการสครับกำจัดเซลล์ที่แห้งลอกออกไปบ้างเช่นกัน ซึ่งคุณสามารถทำได้โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม ๆ ของคุณ แปรงวนเบา ๆ ที่ริมฝีปากหลังการแปรงฟันในตอนเช้าหรือก่อนนอนก็ได้ค่ะ ที่สำคัญหลังจากนั้นอย่าลืมตามด้วยการทาลิปบาล์มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยจ้า

7. สะอาดกว่าสีก็ระเรื่อกว่า
     ผิวหนังที่สะอาดจะทำให้น้ำมันตามธรรมชาติมาหล่อเลี้ยงได้ดี ผิวส่วนนั้นจึงเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ เช่นเดียวกับริมฝีปากที่หลังจากแต่งหน้าแล้วก็ต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาดคราบลิปสติกออกให้หมดจด เรียวปากที่สะอาดก็จะได้รับการบำรุงด้วยกลไกตามธรรมชาติของผิวหนัง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เรียวปากมีสีระเรื่อสุขภาพดีค่ะ

ขอขบคุณ www.kapook.com

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ดูแลผิวส่วนสำคัญ

3 ส่วนสำคัญที่ควรต้องดูแล



1. ผิวหน้าอก 
       สำหรับผิวบริเวณหน้าอก โดยเฉพาะสาวๆเชื่อว่าจะใสได้ใจเป็นพิเเศษเพราะใครๆ ก็อยากมีหน้าอกที่เต่งตึง กระชับและเรียบเนียนสวย

แนะนำ: ผิวบริเวณหน้าอก เป็นช่วงผิวที่รับแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะสาวๆที่รักการเปิดเผย ผิวบริเวณหน้าอกก็ต้องพบเจอแสงแดด อย่างเสี่ยงไม่ได้ แต่หากสาวๆต้องการมีผิวหน้าที่นุ่มนวล และชุ่มชื่นก็ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะจะทำให้ผิวแก่เร็ว เกิดริ้วรอย และจุดด่างดำ ที่สำคัญควรทายากันแดด SPF สูงหากต้องออกแดดนานๆ

นอกจากนี้ก็ไม่ควรสูบบุหรี่เพราะจะทำให้เนินอกเสียสวย รวมทั้งไม่ควรสวมผ้าสังเคราะห์ เพราะจะทำให้ไม่มีอากาศถ่ายเทและอาจทำให้เกิดสิวและแบคทีเรียบริเวณหน้าอกได้อีกเช่นกัน

DO YOU KNOW ? ถ้าอยากมีผิวหน้าอกที่เรียบเนียน ชุ่มชื้นต้องดื่มน้ำให้มากเพื่อให้ผิวมีเกราะปกป้องตัวอง ดังนั้นจึงควรรับประทานผักและผลไม้บ่อยคุณรู้ไหม

2. มือ
       เป็นอวัยวะหนึ่งที่สามารถบ่งบอกได้ถึงอายุแและบุคลิกภาพไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย การดูแลมือจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามโดยเฉพาะสาวๆที่เป็นแม่บ้านแม่เรือน ต้องทำงานบ้านล้างจานซักผ้า ผิวมือสัมผัสกับสารเคมีและจำเป็นจะต้องล้างมืออยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้มือหยาบกระด้าง ไม่น่าสัมผัส รวมไปถึงอาจเกิดการระคายเคืองได้อีกด้วย สิ่งที่ควรทำคือเมื่อทำความสะอาดผิวมือเสร็จแล้ว ควรชับมือให้แห้งและทาครีมทันทีเพราะเป็นช่วงที่ผิวหนังซึมชับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ดีที่สุด

แนะนำ: ควรเลือกครีมสำหรับทามือโดยเฉพาะ โดยเลือกที่มีส่วนผสมของนํ้ามัน เช่น นํ้ามันโจโจบา นํ้ามันเมล็ดองุ่น นํ้ามันอโวคาโดดีต่อการบำรุงผิวหนังรอบเล็บ

DO YOU KNOW ? ตัวการสำคัญสิ่งที่ทำร้ายมือของคุณได้แก่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มือด้าน ทางที่ดีควรจะใส่ถถุงมือ และควรเป็นที่ถุงมือที่มีขนาดยาวถึงแขน เพื่อป้องกันน้ำซึมเข้า และควรมีมากกว่า 1 คู่เพื่อสลับเปลี่ยนการใช้ เพราะถ้าใส่ถุงมือนานๆก็ไม่เป็นผลดีต่อผิวมืออีกเช่นกัน

3. ส้นเท้า:
       อย่างที่รู้กันว่าผิวของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนผิวแห้ง บางคนผิวชุ่มชื่น บางคนผิวหนา ขณะที่บางคนก็ผิวบาง ความแตกต่างของลักษณะผิวนี้เองที่ทำให้ความรุนแรงในการเกิดปัญหาส้นเท้าแตก ซึ่งส้นเท้าของเราทำหน้าที่ค่อนข้างหนัก เพราะต้องรับภาระ รับนํ้าหนักผิวบางคนรับนํ้าหนักเท่ากันไม่เป็นไร แต่กลับบางคนก็ส่งผลต่อผิวเท้าได้

แนะนำ: หลีกเลี่ยงรองเท้าประเภทที่ทำร้ายส้นเท้า พยายามเลือกชนิดที่มีบริเวณส้นเท้าที่นุ่มนวล และดีไปกว่านั้นก็ใส่ถุงเท้านุ่มๆด้วย เป็นการช่วยส้นเท้าของเราได้ดี

DO YOU KNOW ทาครีมสำหรับทาเท้าซึ่งมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื่นก่อนนอนก็สวมถุงเท้าเอาไว้จะทำให้ส้นเท้าคงความชุ่มชื้นอยู่ตลอดคืน หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เท้าสัมผัสน้ำบ่อยๆหรือแช่น้ำนานๆและควรใส่รองเท้าหุ้มส้นคุณภาพดี

หน้าเด็กกว่าวัย

เคล็ดลับหน้าเด็ก


     ดร.พักตร์พิไล ทวีสิน' ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยของผิวพรรณ ให้คำแนะนำถึงเคล็ดลับหน้าเด็กสำหรับสาวออฟฟิศว่า "ไม่ว่าสาวๆ จะประกอบอาชีพอะไรก็ตาม แต่เมื่อผู้หญิงอายุเลยวัย 30 ปีขึ้นไปควรดูแลผิวพรรณเป็นพิเศษ เนื่องจากเซลล์ผิวจะผลัดเซลล์ผิวช้าลง ผิวหน้าจะเริ่มปรากฏริ้วรอยแห่งวัยและความหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะริ้วรอยที่หน้าผาก บริเวณดวงตา และร่องแก้ม จึงแนะนำว่าควรใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อการดูแลผิวพรรณแบบล้ำลึกและฟื้นฟูริ้วรอยแห่งวัยถึงระดับเซลล์ผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ สาร CLA ช่วยฟื้นบำรุงผิวที่มีริ้วรอยให้กลับมานุ่มนวลและดูอ่อนเยาว์ขึ้น AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เผยผิวแลดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ และเรตินอลที่ช่วยคงความยืดหยุ่นบำรุงกระชับผิวมากยิ่งขึ้น โดยควรบำรุงผิวเป็นประจำทั้งเช้า-เย็นด้วยการใช้เดย์ครีมที่มี SPF 15 เพื่อช่วยป้องกันแดด พร้อมกับใช้ไนท์ครีมเพื่อผลลัพธ์ในการดูแลผิวพรรณที่ดียิ่งขึ้น พยายามไม่เครียดกับงานและนอนพักผ่อนให้เพียงพอ 8 ชั่วโมงต่อวัน ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8 แก้ว รับประทานผักและผลไม้สีแดง เช่น มะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี่ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีสูง ที่ช่วยบำรุงผิวขาวกระจ่างใสเปล่งประกาย"

ขอขอบคุณ sanook